วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การเลือกซื้อปืนมือสอง ( ปืนออโต้ )




1.ตรวจสภาพภายนอกทั่วไป คือตรวจทั้งกระบอกว่าเรียบร้อยดีหรือไม่อย่างไร มีการรมดำใหม่หรือไม่ สภาพรมดำเป็นอย่างไร มีรอยร้าว หรือ รอยกระแทก หรือไม่อย่างไร
2. ตรวจแม็กกาซีน ต้องตรวจสอบว่า แม็กกาซีนมีร่องรอยการตกหล่น มีรอยบุบหรือไม่ ลิ้นแม็กกาซีนยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ความยืดหยุ่นของสปริงเป็นเช่นไร ให้ลองเสียบแม็กกาซีนเข้าตัวปืนแล้วดูการป้อนลูกว่าเป็นอย่างไร เมื่อไม่มีลูกในแม็กกาซีนแล้วดึงสไลด์ สไลด์ ค้างหรือไม่
3. ตรวจสภาพการทำงานของสปริงลำเลื่อน ให้กระชากลำเลื่อนดู โดยกระชากมาจนสุดแล้วปล่อย ลำเลื่อนต้องเลื่อนไปจนสุด ไม่มีอาการติดขัด และคล่องตัวดี
4. ตรวจคันห้ามไก ดูว่ายังใช้งานได้ดีหรือไม่ และหากเป็นปืนที่มีหลังอ่อน ก็ต้องตรวจสอบดูว่า สามารถยังทำงานได้เป็นปกติหรือไม่ ที่สำคัญก่อนจะทดลองเหนี่ยวไก ต้องให้แน่ใจเสมอว่าปืนกระบอกดังกล่าวไม่มีลูกกระสุนบรรจุอยู่
5.ตรวจตัวปลดล็อคลำเลื่อน ว่าสามารถทำงานได้เป็นปกติหรือไม่ คือเมื่อสไลด์ค้างอยู่เมื่อกดตัวปลดล็อคลำเลื่อน ลำเลื่อนต้องเดินหน้าได้ ไม่ค้าง
6. ตรวจสอบขอรั้งปลอกกระสุน เปิดลำเลื่อนให้ค้างดูว่า ขอรั้งปลอกสึกหรอไปมากหรือเปล่า โดยอาจตรวจสอบได้โดยเอาลูกดัมมี่ ใส่แล้วลองดึงลำเลื่อนเพื่อคัดลูกดัมมี่ออก ดูว่าปืนสามารถคัดปลอกได้ตามปกติหรือเปล่า
7. ตรวจสอบหน้าลูกเลื่อนและเข็มแทงชนวน หน้าลูกเลื่อนจะต้องไม่ขรุขระ ช่องทางเข็มแทงชนวนต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย เข็มสามารถโผล่ออกมาได้ และเข็มแทงชนวนจะต้องไม่หัก
8. ตรวจศูนย์ปืน ต้องตั้งฉากกับโครงลำเลื่อนหรือลำกล้อง ถ้าเป็นแบบปรับได้ ให้ทดลองหมุนสกรูสำหรับปรับดูว่ายังทำงานได้ตามปกติหรือไม่
9. ตรวจความฟิตแน่นของโครงปืน กับ ลำเลื่อน ใช้หัวแม่มือแตะไว้ที่บริเวณอันเป็นส่วนโครงปืน นิ้วชี้แตะที่ปากลำกล้องหรือส่วนปลายของลำเลื่อน แล้วฝลักขยับไปมาเพือ่ดูอาการหลวมหรือช่องว่างระหว่างโครงปืนกับโครงลำเลื่อน ต้องไม่คลอนมาก ยิ่งฟิตแน่นยิ่งดี
10. ตรวจสอบลำกล้องและการทำงานโดยรวม ลำกล้องต้องไม่มีอาการบวม มีเกลียวเห็นได้ชัดไม่เป็นสนิมหรือเป็นตามด ถ้าเจ้าของให้เราลองยิงได้ ก็ลองยิงดูว่า ปืนทำงานปกติหรือไม่ มีติดขัดหรือเปล่า
11. ตรวจสอบทะเบียนปืน ว่าตรงกับป.4 หรือเปล่า
ทั้ง 11 ข้อนี้เป็นแนวทางคร่าวๆ สำหรับการเลือกซื้อปืน แต่จะให้ดีแล้วถ้าท่านเป็นมือใหม่มากๆ เวลาไปหาซื้อปืนมือสอง ให้พาคนที่เป็นไปด้วยจะได้ไม่เสียใจภายหลัง

การเลือกซื้อปืนมือสอง ( ปืนลูกโม่ )


การเลือกซื้อปืนลูกโม่มือสองนั้นมีหลักสำคัญที่ต้องคอยดูอยู่ 10 ข้อด้วยกันครับ
1. สภาพภายนอก ต้องดูสภาพภายนอกว่ามีตำหนิ มีรอยขีดข่วนมากหรือเปล่า การรมดำเป็นการรมดำใหม่หรือรมดำเก่า สภาพต่างๆเหล่านี้ล้วนบอกได้ถึงการดูแลรักษาปืนของเจ้าของเป็นอย่างดี บางครั้งแค่ดูแค่สภาพภายนอก ก็ทำให้เราตัดสินใจไม่ซื้อได้เสียแล้ว ถ้ามันโทรมมากจริงๆ หรือถ้าเป็นการรมดำใหม่ ก็ต้องดูครับว่ารมใหม่เพราะอะไร โดยมากมักเป็นสนิมแล้วจึงนำไปขัดถูรมดำกันใหม่ ...ถ้าดูแล้วเราพอจะรับสภาพภายนอกได้ ก็ดูข้อถัดไปเลยครับ

2. ลำกล้องปืน ลำกล้องปืนเป็นสิ่งสำคัญ ปืนกระบอกนี้จะยิงแม่นหรือไม่แม่น ลำกล้องเป็นส่วนสำคัญทีเดียว ก่อนอื่นต้องดูว่า ลำกล้องบวม หรือร้าวหรือปล่าว ถ้ามีอาการดังกล่าวก็บอกผ่านไปได้เลยสำหรับปืนกระบอกนี้ ได้ไม่คุ้มเสียครับ วิธีตรวจลำกล้องปืนให้เปิดโม่ออกหันส่วนโคนลำกล้องรับกับแสงสว่าง ใช้หลังเล็บหรือเศษกระดาษขาวรองให้ห่างโคนลำกล้องประมาณนิ้วครึ่งแล้วมองทางปากลำกล้องลงไป เกลียวอาจจะสึกไปบ้าง หมายถึงปืนผ่านการยิงมาเยอะ หรืออาจจะมีสนิมบ้าง ขออย่าให้ถึงกับกินลงไปจนเป็นหลุม เหล่านี้พอจะซื้อได้ โดยเราอาจจะต่อรองราคาลงมาได้อีก แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า ปืนลำกล้องร้าว บวม ต้องไม่เอาครับ
3. คันคัดปลอกกระสุน ต้องไม่คด โดยวิธีการตรวจคือเปิดโม่ออกมาแล้วลองหมุนโม่ดู ถ้าโม่หมุนราบเรียบไม่มีการแกว่งก็ถือว่าคันคัดปลอกตรง หลังจากนั้นลองเอาปลอกกระสุนใส่ให้เต็มทุกช่องของรูโม่แล้วลองดันคันคัดปลอกกระสุน ถ้าปลอกทุกปลอกสามารถถูกยกขึ้นมาได้พร้อมกันโดยไม่มีปลอกไดไม่ขึ้นมาหรือหลุดล่วงลงไป ก็ถือว่าแป้นยกท้ายกระสุนยังใช้ได้ดี
4. ตรวจดูช่องโม่ ในช่องโม่แต่ละช่อง ต้องราบเรียบไม่มีรอยสนิมไม่มีรอยร้าวหรือมีผิวขรุขระ โดยวิธีการตรวจให้หันช่องโม่เข้าแสงสว่างแล้วตรวจดูทีละช่อง
5. โม่ที่ดีต้องไม่หลวมคลอน โดยวิธีการตรวจ เมื่อโม่ถูกผลักเข้าไปในโครงปืนแล้วทดลองจับโม่หมุนซ้ายขวาโม่จะหมุนคลอนได้เล็กน้อย ขั้นต่อไปให้ง้างนกมาเป็นจังหวะ ซิงเกิ้ลแล้วทดลองจับโม่หมุนไปมาอีกครั้ง โม่จะต้องนิ่งสนิทไม่ไหวคลอน
6. สลักล็อคโม่ ต้องทำงานได้เรียบร้อย ปลดล็อคได้ราบรื่นไม่หลวมหรือแน่นจนเกินไป เมื่อโม่เข้าไปล็อคในโครงปืนแล้วลองเอามือผลักดู โดยไม่กดสลักล็อคโม่ โม่ต้องไม่สามารถหลุดออกจากโครงปืนได้
7. เข็มแทงชนวนจะต้องไม่หัก และต้องมีแรงพอจะสับให้แก๊ปท้ายกระสุนแตกได้
8. นกสับ จะต้องสับตรงไม่เบียดโครงปืนด้านใดด้านหนึ่ง โดยดูบริเวณรอบนกสับ ถ้าโครงปืนเป็นรอยเสียดสีกับนกสับให้หลีกเลี่ยงปืนกระบอกนั้นๆ
9. ศูนย์ปืนต้องตั้งฉาก ไม่มีรอยกระแทกซึ่งหมายความว่าปืนกระบอกดังกล่าวอาจจะตกมาแล้ว ศูนย์หลังถ้าเป็นแบบปรับได้ต้องดูไม่ให้หลวมคลอนมาก ลองเอาไขควงปรับดูว่าสามารถปรับซ้ายขวา สูงต่ำได้ตามปกติหรือไม่
10. ทดลองระบบการทำงาน โดยลองยิงดูทั้งแบบซิงเกิ้ลและดับเบิ้ลว่าระบบทำงานโดยปกติหรือไม่ ปืนสามารถสับกระสุนแตกทุกนัดหรือเปล่า การคืนไกปกติหรือไม่

การลับมีดรณยุทธ์


การลับมีดรณยุทธ์
มีดที่พวกเรานิยมซื้อมานั้น จะมีใบมีดเพียง 3 แบบเท่านั้น คือ ใบมีดเรียบธรรมดา , ใบมีดหยักทั้งหมด และครึ่งนึงหยักและอีกครึ่งนึงเรียบ


1.ใบมีดแบบเรียบ นั้น จะถูกลับคมทั้งสองด้านของใบมีด เพื่อให้เกิดความคม ดังนั้น การจะลับให้คม ต้องลับคมทั้งสองด้านเท่าๆกัน จนกว่าจะเกิดมุมคมสูงสุด


2.ใบมีดแบบหยักทั้งหมด ถ้าสังเกตุให้ดี เป็นการลับคมเพียงด้านเดียว คือ ด้านรอยหยักนั่นแหละ ส่วนอีกฝั่งจะเรียบไม่มีรอยลับเลย ถ้า เราเปิดมีดใบหยักด้วยมือขวา แล้วเห็นรอยหยักแสดงว่าเป็นมีดของคนมือขวา แต่ถ้า เราเปิดมีดด้วยมือขวา แต่ด้านรอยหยักกลับอยู่ข้างล่างแทน แสดงว่าเป็นมีดสำหรับมือซ้าย
การจะลับมีดด้วยหินลับมีดธรรมดาหรือตัวลับแบบที่มีร่องให้เอาใบมีดลงไปลับนั้น ไม่ควรทำเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดรอย และไม่สามารถทำคมได้เท่าที่โรงงานทำมา การจะลับใบมีดนั้นเราจะต้องลับเฉพาะส่วนที่ทำมุมให้เกิดคมเท่านั้น บริเวณใบมีดนอกเหนือคมอย่าให้โดน จะได้ไม่เป็นริ้วรอย หรือเกิดตำหนิ จะทำให้ไม่อยากใช้มัน มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์นำมาลับด้วยหินลับมีดธรรมดา หรือบางคนอาจใช้ลูกหมุน ลูกขัดเงา ทำให้ใบมีดไม่คมเท่าโรงงานและเกิดริ้วรอยเต็มไปหมด บางคนถึงกับยกให้เพื่อนไปฟรีๆ จะได้ซื้อเล่มใหม่
หินลับมีดอันนี้ เป็นหินลับมีดยี่ห้อ Spyderco รุ่น SP 204 MF
เมื่อสังเกตุดูในภาพจะเห็นหินลับมีดสีขาวแท่งสามเหลี่ยมยาว ( 7 นิ้ว ) ปักอยู่สองด้าม ดูเหมือนรูปตัว V แท่งลับมีดสามเหลี่ยมสีขาว( ทั้ง2ด้าม) นั้น ปักอยู่ในฐานจับแบบพลาสติก โดยหันเหลี่ยมออก โดยทำมุม 68 องศา มุมองศาที่ใบมีดทำกับหินลับมีดนั้น จะไม่เกิน 25 องศา แต่ Spyderco เลือกมุมที่ใบมีดจะทำมุมกับหินลับมีด คือ 22 องศา คือมุมที่จะเกิดคมสูงสุด
ดูตามรูปในรุ่น SP 204 MF สมมุติว่าเรามีเครื่องลับมีดรุ่นนี้อยู่ ให้เราเลือกหินลับมีดแท่งสามเหลี่ยมสีขาวขึ้นมา 2 ด้าม (หินลับละเอียด) ส่วนแท่งสีน้ำตาล จะเป็นหินลับหยาบ ( ไม่เคยใช้เลย) เอาเจ้าแท่งลับสีขาวปักเข้าในฐานพลาสติกที่ให้มาด้วย ตามรูป มันเป็นรูปตัว วี เห็นแท่งทองเหลืองที่ชี้โด่เด่ด้านซ้าย2อันไหม มันใช้สำหรับกันมีดแฉลบบาดมือเท่านั้น

การจะลับมีดแบบใบเรียบหมดให้ปฏิบัติดังนี้ จับมีดด้วยมือขวา ให้เริ่มลับจากส่วนโคนใบมีดไปหาปลายมีด โดยให้คมใบมีดด้านซ้าย ( โคนสุดของใบมีด ) ไปจดตรงยอดสุดของหินลับด้านซ้าย จับใบมีดให้ตรงในแนวดิ่ง ค่อยๆกดใบมีดลงในแนวดิ่ง พร้อมกับค่อยดึงใบมีด ให้คมใบมีดตั้งแต่โคนค่อยๆไหลลับไปกับหินลับ จนกระทั่งปลายใบมีดมาสุดที่โคนของหินลับมีด การจะลับให้คม อย่ากดใบมีด ห้ามใช้แรง ค่อยๆทำ เมื่อลับคมด้านซ้ายของใบมีดแล้ว ให้ลับคมทางด้านขวาด้วย โดยใช้วิธีเดียวกัน โดยจดคมด้านขวากับปลายหินลับเล่มด้านขวา แล้วค่อยๆกดให้ใบมีดลับไปกับหิน พร้อมกับดึงใบมีด ให้คมใบมีดเริ่มแต่ส่วนโคนค่อยไหลลับไปกับหินลับ จนกระทั่งคมของปลายใบมีดมาสุดที่โคนของหินลับมีด ให้เราลับทั้งซ้าย-ขวาสลับกัน เท่าๆกัน ลับข้างละ 3-4 ครั้ง ก็พอ ให้ลองใช้นิ้วแตะดู หรือลองโกนขนแขนดู ถ้ายังคมไม่พอ ให้ค่อยๆลับ อย่าทำแรง ใจเย็นๆ บางครั้งต้องใช้แว่นขยายส่องพระดูคมด้วย ลับไป เช็คความคมไป จนกว่าจะพอใจในความคม


ส่วนการจะลับใบมีดแบบหยักนั้นก็ทำเช่นเดียวกัน แต่เราลับคมใบมีดเพียงด้านเดียวเท่านั้น การลับคมฟันหยักก็ใช้เพียงหินลับมีดสีขาว ทางด้านซ้ายด้านเดียว อันขวาไม่ต้องใช้ ให้ใช้วิธีการเดียวกัน ขณะที่เราลับ เราจะเห็นคมรอยหยักลับไปกับมุมหินลับ( ไหลไปอย่างช้าๆ ) จนสุดปลายมีด


ส่วนการลับใบมีดแบบใบเรียบครึ่งใบหยักครึ่งก็ใช้วิธีเดียวกัน ใบมีดเรียบจะลับคมสองด้าน ก็ใช้หินลับสามเหลี่ยมซ้าย- ขวา ส่วนใบรอยหยักครึ่งนึงที่เหลือ ก็ลับด้านเดียว อย่าเผลอไปลับสองด้านซะล่ะ 

การแต่งโคลท์ ซีรี่ส์70


ตามที่ได้เคยเขียนไว้แล้วว่า ปืนที่จะมีความแม่นยำ จะต้องเป็นปืนที่มีโครงปืนและสไลด์ ฟิตแน่นพอดี ไม่หลวมคลอน แต่บางครั้งเราอาจได้ปืนที่ไม่ได้ฟิตพอดี ดังนั้นเราจึงต้องมีการแต่ง ผมขอลำดับขั้นตอนการแต่งดังต่อไปนี้ 
1. ต้องดูว่าโครงปืนกับสไลด์ฟิตแน่นพอดี ถ้าไม่หลวมมาก เราอาจแต่งด้วยการเคาะเฟรม ด้วยแผ่นชิม ( นอก ) ที่ทำมาสำหรับเคาะเฟรมโดยตรง จะต้องทำให้ร่องตัวเฟรมบีบกับสไลด์ได้พอดี อัตราการเคลื่อนตัวมากทำให้กลุ่มกระสุนไม่ดี ถ้าปืนไม่หลวมมาก อาจใส่ไกด์ร๊อดช่วย ไกด์ร๊อดจะช่วยให้สไลด์วิ่งขนาดกับลำกล้อง และช่วยให้ลำกล้องกลับคืนสู่ตำแหน่งการล็อคได้แม่นยำขึ้น…….ถ้าปืนฟิตแน่นพอดี ไม่จำเป็นต้องใส่ไกด์ร๊อดก็ได้ 
2. ลำกล้อง , โตงเตง , บูชหน้า , และฮูทตัวบน ( ลิ้นลำกล้อง ) ต้องเสียบเข้ากับเฟรมสไลด์พอดี ลำกล้องต้องเป็นลำกล้องแข่งยี่ห้อดีๆ ที่มีขายอยู่ทั่วไป ปืนเมื่อลั่นกระสุนออกไป สไลด์ถอยหลังเป็นอิสระ แต่พอสไลด์เริ่มกลับ…กระสุนเข้ารังเพลิง ลำกล้องกระดกขึ้น ล๊อคกลอน ให้กลับคืนที่เก่า ได้อย่างพอดี ช่างที่เก่งๆ ก็คือ ทำทุกอย่างให้ฟิตพอดี ไม่ใช่ฟิตเกินไป อาจแยมเก่ง 
3. แต่งชุดลั่นไก เป็นส่วนสำคัญอันดับต่อมา ตัวไกต้องเปลี่ยนให้เบา นกปืนต้องฟาดลงเร็ว เซียร์ต้องดี แหนบสี่ชาย สปริงนกสับ ฯลฯ ไกควรจะคม ไม่หนักมาก น้ำหนักไกอยู่ประมาณ 21/2- 3 ปอนด์ ต่ำกว่านี้จะไม่ปลอดภัย 
4. ต้องติดศูนย์ให้มองเห็นได้ชัดและถนัด 
5. ต้องทำด้ามปืนให้ดี 
ช่างเก่งๆ ต้องทำให้ทุกอย่างพอดี และสามารถใช้งานได้ทน การใช้อะไหล่ดีๆก็ช่วยให้ทนขึ้นเช่นกัน 
...ถึงปืนจะดีขนาดไหน ก็ต้องบวกกับฝีมือของผู้ยิงด้วย แบบว่า…..ห้าสิบห้าสิบ. 

ขากล้อง B square



ขากล้อง B- square ใส่ปืน 1911 ( ไม่เจาะโครงปืน ) จะเป็นขาเดี่ยว ที่ต้องถอดประกับปืนด้านหนึ่งออก และใช้สกรูยึดประกับปืนเป็นตัวยึดขากล้อง ดังนั้นจึงไม่แข็งแรงและแน่นหนา เท่าขากล้องที่เจาะยึดน็อตติดโครงปืน
ขากล้องเจาะยึดน็อตติดโครงปืนใส่กล้องจุดแดง มีทั้งขาเดี่ยวและขาคู่ ใส่น็อตยึดขาข้างละ 3-4 ตัว เดี๋ยวนี้ขากล้องแบบยึดน็อตที่ใช้กันอยู่ ทำในเมืองไทย เกือบ 80% ดังนั้นจึงสามารถสั่งทำขาเดี่ยวหรือขาคู่ได้ตามสะดวก ตามความต้องการของผู้ใช้ อาจกำหนดน็อตยึดขาข้างละกี่ตัวก็ได้ตามสั่ง
การเจาะน็อตยึดขากล้องติดโครงปืนปืน...ย่อมต้องมีรูเจาะให้เห็นเป็นรอยอยู่บ้าง แต่การเจาะยึดขากล้องด้วยน็อตติดโครงปืน...ย่อมแน่นหนามั่นคงเหมาะกับการใช้งาน ดังที่เห็นในปืนที่ใช้ใน ระบบ IPSC
หากต้องการใส่ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ได้ใช้งานจริงจัง ขากล้อง B-square ย่อมทดแทนได้

ไอ้นกต่อมรณะ


มันดูเหมือนโทรศัพท์มือถือทุกประการ แต่ภายใต้หน้ากากปุ่มกดนั้นกระสุน .22 จำนวน 4 นัด นอนนิ่งอยู่พร้อมให้มือสังหารเพียงแตะนิ้วไล่ไปยังปุ่มที่ 5 ถึง 8 บนแป้นเพื่อสั่งให้ฑูตมรณะทำงานผ่านลำกล้องที่อยู่ในส่วนของเสาอากาศไปสู่เหยื่อของมัน "DEADLY DECOY" หรือ "นกต่อมรณะ" คือฉายาที่สื่อมวลชนและหน่วยงานของรัฐในหลายประเทศพร้อมกันตั้งฉายาให้กับมัน มันถูกค้นพบครั้งแรกในการจู่โจมรังของกลุ่มค้ายาเสพติดในอัมสเตอร์ดัม จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญพอจะสรุปได้ว่าเจ้านกต่อมรณะตัวนี้ถูกออกแบบและผลิตโดยผู้ชำนาญการชั้นสูง และสันนิษฐานกันว่าผลิตจากประเทศยูโกสลาเวีย นักข่าวเอบีซี นิวส์ ออกสัมภาษณ์ตำรวจและหน่วยงานปราบปรามหลายแห่งในหลายประเทศ ต่างลงความเห็นกันไว้ว่าเจ้านกต่อมรณะตัวนี้คือวิวัฒนาการใหม่ล่าสุดของการสังหารที่อันตรายอย่างสูง ต่อไปนี้ผู้รักษากฎหมายคงต้องรีบชักปืนออกจากซองทุกครั้งเมื่อผู้ต้องสงสัยแตะต้องโทรศัพท์มือถือ

ปืนสังหาร ประธานาธิบดี ลินคอล์น



ปืนพกกระบอกจิ๋วที่เห็นในรูปนี้ นาย จอห์น วิล์ก บูท ได้ใช้ยิง ปธน. ลินคอล์น ที่ศีรษะด้านหลังใกล้กับหูซ้ายด้วยปืน
เดอ์ริงเจอร์ ซึ่งผลิตโดย เฮนรี่ เดอ์ริงเจอร์ แห่ง ฟิลาเดลเฟีย มันมีความยาวราวๆ 6 นิ้ว ลำกล้องยาว 2 1/2" มีน้ำหนักแค่ 8 ออนซ์ (227 กรัม) มันยิงด้วยกระสุนขนาด .44 ไกและส่วนจับยึดทำจาก(แร่)เงินเยอรมัน และมีกล่องเล็กๆที่ปลายด้ามและแก๊ปกระสุนสำรอง ปืนเดอ์ริงเจอร์ถูกพบตกอยู่บนพื้นของบริเวณที่นั้งแขกพิเศษของโรงละคร ฟอร์ด โดยนาย วิลเลี่ยม ที เค้นท์ หลังจากการรอบสังหาร ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ในชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์โรงละครฟอร์ด